https://agungbatin.mesuji-desa.id/donjo/

https://sumbermakmur-mesuji.desa.id/mes/

https://eka-hosp.gr/

https://famousfidorescue.org/

https://uettransport.com/

https://www.pohtecktung.org/

https://deborafoundation.org/

https://bukoposo.desa.id/poso/

https://www.st-mx.com/

https://pancawarna.desa.id/pan/

https://www.watawasushi.com/

https://www.caxangagolf.com.br/

https://www.unicafes.org.br/

https://adaptacion.miambiente.gob.pa/

slot dana

https://miep.spb.ru/

https://www.pohtecktung.org/

https://www.sumay.com.br/

https://iconfanatic.com/

https://www.nlpcenter.ru/

เช่ารถบัส

เช่ารถบัสไหว้พระ 9 วัด เที่ยวอยุธยาง่ายม๊ากมาก

    การ เช่ารถบัสไหว้พระ เข้าสู่ช่วงกลางปีกันแล้วน้า ปีนี้คงเป็นปีที่ผ่านไปได้ยากสำหรับใครหลายคน ตลอดทั้งปีอาจจะมีอะไรที่เราทั้งเหนื่อยและเครียดกันมา หลายคนก็น่าจะอยากหาทริปไปเที่ยวพักผ่อนพร้อมทำบุญให้อุ่นใจ จะได้เสริมดวง เสริมความเป็นสิริมงคลและทำจิตใจให้สงบสบายอีกด้วย ถ้าพูดถึงทริปท่องเที่ยวแบบเดินทางชิลๆ ไปพักผ่อน และไหว้พระเสริมสิริมงคล จังหวัดอยุธยาเป็นอีกหนึ่งพิกัดที่น่าจะเดินทางไปเที่ยวและไหว้พระมากๆ เพราะมีทั้งความงดงามของโบราณสถาน ความงดงามของธรรมชาติ ที่สำคัญวัดต่างๆในอยุธยาเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองที่น่ากราบไหว้บูชาทั้งนั้นเลย ใครกำลังเตรียมตัวที่จะจัดทริปไปไหว้พระ วันนี้เรามีไอเดียว เช่ารถบัส ไหว้พระ 9 วัด เสริมความเป็นสิริมงคล ที่อยุธยามาฝากค่ะ ตามไปดูกันว่ามีที่ไหนน่าสนใจกันบ้าง

เช่ารถบัส เที่ยววัดอยุธยาอย่างไรให้สนุก

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรืออยุธยาเมืองเก่าของเราแต่ก่อนนั้น เป็นจังหวัดที่อุดมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ วัดหรือจุดท่องเที่ยวภายในจังหวัดอยุธยา ตั้งอยู่ในระยะทางที่ไม่ไกลจากกันมากนัก ดังนั้นการจัดทริปโดยการเช่ารถบัส หรือเหมารถทัวร์เพื่อไปท่องเที่ยว ไหว้พระ 9 วัดเสริมสิริมงคล จึงเป็นทางเลือกในการเดินทางที่สะดวกสบาย ทำให้คณะของเราสามารถที่จะเก็บจุดท่องเที่ยวต่างๆ ได้ครบถ้วน เพราะมีความสะดวกสบายในการเดินทาง ทั้งนี้ การเตรียมตัวท่องเที่ยววัดที่อยุธยาให้สนุก สบายใจ ก็ข้อควรต้องทราบดังนี้

  • เตรียมเครื่องแต่งกายที่เรียบร้อย เช่น กางเกงหรือกระโปรงที่ยาวคลุมเข่าไปเพราะโดยส่วนใหญ่ วัดต่างๆ จะไม่อนุญาตให้ใส่กางเกงหรือกระโปรงที่สั้นมากเข้าไปด้านใน หากเราไม่เตรียมไปอาจจะต้องใช้ของส่วนกลางซึ่งวัดมีให้ยืม (แต่หลายท่านก็แอบไม่สะดวกใจ)
  • ควรต้องมีการศึกษาเส้นทางและประวัติของวัดที่เราจะไปล่วงหน้าบ้าง การที่เรารู้ประวัติหรือความเป็นมาของวัดที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวล่วงหน้าบ้าง ก็จะช่วยให้เราสนุกมากยิ่งขึ้น และชมวัดซึ่งส่วนใหญ่เป็นโบราณสถานอย่างซาบซึ้งมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ใครไม่มีเวลาก็ไม่ต้องกังวลนะ เพราะแทบทุกที่มีประวัติให้เราได้อ่านที่วัดด้วย
  • จัดเตรียมของใช้จำเป็นใส่รถบัสมาด้วย เช่น หมวก ร่ม หรือผ้าโพกผมต่างๆ เพราะบรรยากาศการท่องเที่ยววัดที่อยุธยาอาจจะร้อนแดด เราจำเป็นต้องมีหมวกช่วยบรรเทาความร้อนเอาล่ะ ถ้าทุกคนเตรียมตัวพร้อมแล้ว เราไปดูกันว่า พิกัดไหว้พระ 9 วัด เสริมความเป็นสิริมงคล ที่อยุธยามีวัดไหนที่น่าไปกันบ้าง
  1. วัดใหญ่ชัยมงคล

วัดแห่งแรกที่เรียกได้ว่า มาเที่ยวอยุธยาจะไม่มาคงไม่ได้ ก็คือวัดใหญ่ชัยมงคล ส่วนหนึ่งที่เราจะคิดถึงที่นี่เป็นแห่งแรกเพราะอยู่ในเส้นทางสายเอเชีย วัดใหญ่ชัยมงคลนั้น เดิมมีชื่อว่า “วัดป่าแก้ว” หรือ “วัดเจ้าไท” เป็นหนึ่งในวัดเก่าแก่ของอยุธยา วัดแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง หรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 เป็นวัดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นสมเด็จพระนเรศวรทรงโปรดให้สร้างขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเหนือมังกะยอชวา พระมหาอุปราชของหงสาวดี และวิหารพระพุทธไสยาสน์ และยังเป็นวัดที่นักท่องเที่ยวนิยมมามากที่สุดวัดหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกด้วย ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ เจดีย์ชัยมงคล เจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยา ภายในตัววัดตกแต่งสวยงามร่มรื่น เหมาะแกการมากราบไหว้บูชาพระ และพักผ่อนสงลจิตใจ

2. วัดพนัญเชิงวรวิหาร

ออกจากวัดใหญ่ชัยมงคลแล้ว ขับเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตรก็จะเจอ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ซึ่งเป็นพระอารามหลวงชั้นโทแบบมหานิกาย มีประวัติความเป็นที่น่าสนใจ เก่าแก่และยาวนานเพราะก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา ยังไม่ปรากฏแน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง ทั้งนี้หากยึดตามหนังสือพงศาวดารเหนือ ว่ากันว่าพระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้างและพระราชทานนามว่า วัดเจ้าพระนางเชิง จนเพี้ยนเสียงมาเป็น พนัญเชิงวรวิหาร ในปัจจุบัน ไฮท์ไลท์สำคัญที่ต้องไม่พลาดหากมาวัดพนัญเชิงวรวิหารคือ การมากราบสักการะหลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายก พระพุทธรูปศิลปะอู่ทองตอนปลาย ปางมารวิชัย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปโบราณ คู่บ้านคู่เมืองกรุงศรีอยุธยามาแต่สร้างกรุง นอกจากนี้ในพระอุโบสถวัดพนัญเชิง ยังมีพระพุทธรูปสำคัญอีก 3 องค์ คือ พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปปูน และพระพุทธรูปนาค นอกจากนี้ยังมีตำหนักเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ซึ่งชาวจีนเรียกว่า จู๊แซเนี้ย ให้ได้สักการะขอพรกันอีกด้วย

3. วัดกล้วย

ออกจากวัดพนัญเชิงแล้ว เราไปต่อกันที่วัดกล้วย ซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก สำหรับวัดกล้วยนั้นเป็นวัดในท้องถิ่นที่มีประวัติศาสตร์และความศักดิ์สิทธิ์ไม่แพ้วัดอื่นๆ โดยวัดกล้วยถูกสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชประมาณ หรือในปี พ.ศ.2500 เนื่องจากอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก วัดนี้จึงกลายเป็นศูนย์กลางการค้าทางน้ำที่สำคัญเพราะถูกใช้เป็นที่จอดเรือสินค้าที่ล่องมาจากภาคเหนือ ไฮไลท์เด็ดของวัดกล้วยสำหรับสายบุญ และสายมู ก็คือ กรุวัตถุมงคล พระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุครูบาอาจารย์หลายองค์ โดยเฉพาะพระธาตุของพระครูอินทวุฒิกรหรือหลวงปู่ต่วน อินทปัญโญ อดีตเจ้าอาวาส

4. วัดสุวรรณดารารามราชวรวิหาร

วัดสุวรรณดารารามราชวรวิหาร  วัดแห่งนี้เป็นวัดที่โดดเด่นในเรื่องสถาปัตยกรรมอย่างมากโดยมีสถาปัตยกรรมหลังคาพระอุโบสถที่ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันทำด้วยไม้สักแกะสลักอย่างอ่อนช้อยงดงาม เป็นลายกนกรูปนารายณ์ทรงครุฑ ปิดทองประดับกระจก และรูปทรงพระอุโบสถภายนอกเป็นรูปทรงเรือสำเภาซึ่งเป็นศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น นอกจากนั้น ยังมีจิตรกรรมฝาผนังที่มีความวิจิตรงดงามมาก โดยภาพเขียนสีน้ำมันในวิหารนั้นเป็นฝีมือของมหาเสวกตรี พระยาอนุศาสน์จิตร เป็นภาพเรื่องพระราชพงศาวดารสมเด็จพระนเรศวรซึ่งจิตกรรมฝาผนังในพระอุโบสถและพระวิหารของวัดสุวรรณดารารามนั้น มีอายุมากกว่า 200 ปี และอีกหนึ่งไฮท์ไลท์สำคัญ เมื่อมาวัดสุวรรณดารารามราชวรวิหารคือการมากราบนมัสการองค์พระประธานที่จำลองมาจากพระแก้วมรกตซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดารามอีกด้วย เรียกว่ามาที่เดียวคุ้มค่าทั้งได้ศึกษาศิลปะ โบราณวัตถุต่างๆ และได้กราบไหว้พระขอพรอีกด้ว

5. วัดมหาธาตุ

ไปกันต่อที่วัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญในสมัยอยุธยา วัดมหาธาตุนั้นเป็นพระอารามหลวง  สร้างในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพะงั่ว) แต่ไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากทรงเสด็จสวรรคตเสียก่อน จึงได้สร้างเพิ่มเติมจนเสร็จในสมัยสมเด็จพระราเมศวร ซึ่งพระปรางค์ประธานเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมยกสูง โดยมีระเบียงคดล้อมรอบทั้งสี่ด้าน เป็นปรางค์ในยุคแรกของสมัยอยุธยาซึ่งได้รับอิทธิพลจากศิลปะขอม ทั้งนี้ นอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุกลางเมืองแล้วยังเป็นที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราช ฝ่ายคามวาสีอีกด้วยอีกด้วย  วัดแห่งนี้จึงได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์อยู่ตลอดเวลา สำหรับการเข้าชมวัดมหาธาตุนั้น เปิดให้เข้าชมทุก วันตั้งแต่เวลา 08.30–16.30 น. และมีค่าเข้าชมสำหรับชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากๆ สำหรับการได้ชมโบราณสถานที่สำคัญของไทย

6. วัดราชบูรณะ

วัดราชบูรณะเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาเช่นเดียวกับ วัดมหาธาตุ ที่ตั้งของวัดราชบูรณะคืออยู่ตรงข้ามกับวัดมหาธาตุเลย สามารถเที่ยวชมและมาขอพรเพิ่มสิริมงคลได้ในคราวเดียว ทั้งนี้วัดราชบูรณะจัดเป็นหนึ่งในวัดที่ใหญ่และมีความเก่าแก่มากที่สุดในพระนครศรีอยุธยา สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 ในพ.ศ. 1967 ทั้งนี้มีเรื่องเล่าว่า ในพ.ศ. 2499 มีกลุ่มโจรลักลอบเข้ามาขุดกรุภายในพระปรางค์ประธาน และขโมยทรัพย์สมบัติไปเป็นจำนวนมาก ต่อมากรมศิลปากรจึงเข้าทำการบูรณะขุดแต่งต่อ และพบทรัพย์สมบัติที่หลงเหลืออยู่รวมถึงเครื่องทองจำนวนมากอีกเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันถูกเก็บรักษาอย่างดีอยู่ในกรุที่ห้องราชบูรณะ ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ไฮไลท์ของวัดแห่งนี้ก็คือ ปรางค์ประธานขนาดใหญ่ ก่อด้วยศิลาแลงบนฐานสี่เหลี่ยม มีเจดีย์ประกอบอยู่ทั้งสี่ทิศ

7. วัดธรรมิกราช

ถัดจากวัดราชบูรณะมาเพียง  850 เมตร เราก็จะเจอกับวัดธรรมิกราช ตั้งอยู่บริเวณหน้าพระราชวังโบราณ ริมถนนอู่ทอง ซึ่งเดิมวัดแห่งนี้มีชื่อว่ามุขราช เป็นพระอารามหลวงสมัยกรุงศรีอยุธยา สร้างโดยพระยาธรรมิกราช โอรสของพระเจ้าสายน้ำผึ้ง  ไฮไลท์ของวัดธรรมิกราชก็คือ เจดีย์ทรงกลมที่มีปูนปั้นรูปสิงห์ล้อมรอบ เป็นลักษณะของสถาปัตยกรรมที่หาชมยากมากในประเทศไทย นอกจากนี้วัดธรรมิกราชยังมีวิหารขนาดใหญ่ซึ่งเป็นวิหารหลวง มีโครงสร้างแบบโบราณที่ใช้ปูนเปลือกหอยและประสานด้วยน้ำตาลอ้อย ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้มีโครงเหล็กเป็นฐานแต่กลับมีความมั่นคงแข็งแรงมาก ภายในเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ แต่ถูกพม่าเผาทำลายเหลือเพียงพระเศียร ปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ทั้งนี้ ในปัจจุบันวัดธรรมิกราชเป็นวัดที่มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาและปฏิบัติธรรมอยู่ โดยมีพระครูสมุห์ธรรมภณเป็นเจ้าอาวาส ผู้มีจิตศรัทธานอกจากจะไปเที่ยวชมความงดงามของสถาปัตยกรรมแล้วยังสามารถไปกราบพระทำบุญได้ตามปกติ

8. วัดพระศรีสรรเพชญ์

ห่างจากวัดธรรมิกราชประมาณ 650 เมตร  เราจะเจอกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพระราชวังโบราณ วัดนี้ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาเพราะเป็นวัดพุทธาวาส หรือเป็นสถานที่ที่ใช้เพื่อประกอบพิธีสำคัญต่างๆ ของบ้านเมือง และเป็นเก็บอัฐิของพระมหากษัตริย์เท่านั้น ถือเป็นต้นแบบของวัดในพระบรมมหาราชวัง หรือวัดพระแก้วนั่นเอง  ไฮไลท์ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ก็คือ เจดีย์ทรงลังกาจำนวนสามองค์ที่วางตัวเรียงยาวตลอดทิศตะวันออกและทิศตะวันตก เป็นจุดที่ต้องมาแวะไหว้สักการะและถ่ายรูปอัพสตอรี่สวยๆ

9. วัดไชยวัฒนาราม

วัดไชยวัฒนารามเป็นที่ประดิษฐ์สถานของพระปรางค์ศรีรัตนมหา ภายในมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยสร้างด้วยหินทราย ใบเสมาของพระอุโบสถทำด้วยหินสีค่อนข้างเขียว จำหลักเป็นลายประจำยามและลายก้านขด และเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองสวยงามตระการตา สถาปัตยกรรมของวัดไชยวัฒนารามนั้น มีการก่อสร้างแตกต่างจากวัดอื่นๆ เนื่องจากวัดนี้ถูกสร้างเป็นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือเขมร สถาปัตยกรรมส่วนหนึ่งจึงมาจากปราสาทนครวัดทำให้ดูสวยงามแปลกตา  

    จะเห็นได้ว่าวัดที่อยุธยาส่วนใหญ่เป็นโบราณสถานดังนั้น บางแห่งที่ตั้งในอุทยานประวัติศาสตร์ก็จะมีการจัดแสดงแสงสีเสียง หรือให้เข้าชมในยามกลางคืนได้ด้วย ดังนั้น เราอาจจะต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นไปบ้าง เพื่อจะได้ไปเที่ยวแบบไม่ต้องรอเก้อเพราะวัดอาจจะมีเวลาเปิดปิดทำการ ทั้งนี้ หากเราเช่าเหมารถทัวร์ เช่ารถบัสพร้อมคนขับ โดยส่วนใหญ่คนขับจะมีความรู้ความเชี่ยวชาญพอสมควร สามารถสอบถามได้ค่ะ 

สามารถติดต่อเช่ารถบัส ภัสสรชัยทัวร์
Call Center. 02-537-8881
Official Line: @patsornchai
ที่อยู่: บริษัท ภัสสรชัยทัวร์ แอนด์ทรานสปอร์ต จำกัด
เลขที่ 7/391 ซอยวิภาวดี 19 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900